บริษัทวางแนวคิดกลยุทธ์ทางการตลาดโดยเน้นด้านการเข้าถึงพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า เป็นหลัก เนื่องจากเทรนด์การดำเนินธุรกิจในอนาคตนั้นจะไม่ได้จำกัดอยู่แค่ออฟไลน์ หรือโลกออนไลน์เพียงอย่างเดียว แต่ต้องเป็นการผสมผสานจุดแข็งของทั้งสองรูปแบบเข้าด้วยกัน พฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจบันนิยมเสพสื่อออนไลน์และรักความสะดวกสบายมากขึ้น (Lazy Economy) รวมทั้งภาวะการแข่งขันของตลาดเครื่องสำอางทั้งออฟไลน์และออนไลน์สูงขึ้น ผู้เล่นในตลาดผลิตสินค้าสร้างแบรนด์ของตัวเองเพื่อขายสินค้าออนไลน์โดยตรง รวมถึงจำนวนกระแสเม่ค้าออนไลน์เกิดขึ้นมากมาย
การตลาดแบบ O2O
บริษัทฯมีช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งออนไลน์และออฟไลน์ จึงมุ่งเน้นกลยุทธ์ทางการตลาดแบบ O2O ( Online to offline ) เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด
การสร้างแบรนด์
บริษัทดำเนินธุรกิจค้าปลีกเครื่องสำอางและบำรุงผิว ซึ่งประกอบไปด้วย Shop Brand คือ Beauty Buffet และ Product Brands ซึ่งแต่ละแนวคิด มีความแตกต่างกัน ทั้งในด้านของ ตำแหน่งทางการตลาด ราคา การออกแบบ กลุ่มลูกค้าและช่องทางการจัดจำหน่าย ซึ่งทำให้กลยุทธ์ในการสร้างแบรนด์ แตกต่างกันออกไป
- การสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว : มุ่งเน้นในการสร้างให้แบรนด์เป็นที่จดจำของผู้บริโภค คือ การสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้กับแบรนด์ (Brand Identity) ซึ่งบริษัทได้ทำการออกแบบตัวผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ รวมทั้งการตกแต่งหน้าร้านให้สอดคล้องกับเอกลักษณ์ของแต่ละผลิตภัณฑ์
- การสร้างความแตกต่างในการให้บริการ : บิวตี้ บุฟเฟต์ มิได้มุ่งเน้นเฉพาะการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แต่เพียงอย่างเดียว แต่จะมีการนำเสนอแนวคิดด้านความงามครบวงจรควบคู่ไปด้วย (Beauty Solution) ซึ่งลูกค้าที่เข้ามาในร้านจะได้รับการให้บริการที่เป็นกันเอง พนักงานที่ผ่านการอบรมตามมาตรฐานของบริษัทสามารถแนะนำวิธีการแต่งหน้าให้เหมาะสมกับลักษณะเฉพาะของลูกค้าแต่ละราย รวมทั้งแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว โดยมีวัตถุประสงค์ให้ลูกค้าเกิดความสบายใจที่จะเลือกซื้อสินค้า เกิดความเชื่อมั่นและเข้าถึงสินค้าของบริษัทได้มากขึ้น
- การสร้างแบรนด์เพื่อจับตลาดในช่องทางการจัดจำหน่ายอื่นๆ : การสร้างแบรนด์ใหม่เพื่อสร้างตลาดในช่องทางการจัดจำหน่ายช่องทางใหม่
การรักษาฐานลูกค้า
การรักษาฐานลูกค้าเดิม หรือสร้างการซื้อซ้ำต่อเนื่อง ถือเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งในการดำรงอยู่ของธุรกิจและการสร้างเสถียรภาพของรายได้ ดังนั้นบริษัทจึงให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ในการรักษาฐานลูกค้า ดังนี้
- การเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงสินค้า : บริษัทมีนโยบายในการขยายช่องทางจำหน่ายสินค้าให้เข้าถึงผู้บริโภคให้มากที่สุด
- รักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ควบคู่ไปกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง
- การบริหารลูกค้าสัมพันธ์ : บริษัทพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับการจัดเก็บฐานข้อมูลลูกค้าเพื่อวัตถุประสงค์ในการบริหารลูกค้าสัมพันธ์ หรือ CRM (Customer Relationship Management) ซึ่งมีส่วนทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างเฉพาะเจาะจง
- การสร้าง “ Beauty Community ” การเข้าถึงผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทผ่านทางสื่ออินเตอร์เน็ตรูปแบบต่างๆ ซึ่งทำให้เกิดการสื่อสารโต้ตอบกับลูกค้าได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และสามารถรับทราบความต้องการของแต่ละบุคคล ตลอดจนรับทราบถึงปัญหาของสินค้าหรือบริการ
ด้านช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าของบริษัทฯ
มีทั้งหมด 5 ช่องทางหลักๆ ได้แก่
ช่องทางร้านค้าปลีก“บิวตี้ บุฟเฟต์”
ร้านค้าปลีก “บิวตี้ บุฟเฟต์” เป็นแนวคิดในการนำเสนอรูปแบบการผสมผสานระหว่างแนวคิดของธุรกิจร้านอาหารบุฟเฟต์เข้ากับธุรกิจค้าปลีกเครื่องสำอาง โดยการประยุกต์แนวคิดของการรับประทานอาหารประเภทบุฟเฟต์ ที่ผู้บริโภคสามารถเลือกสรรสิ่งที่ต้องการมากที่สุดได้อย่างมั่นใจ เช่นเดียวกันกับการวางรูปแบบร้าน บิวตี้ บุฟเฟต์ ที่มีสินค้าหลากหลายให้เลือกสรร โดยร้าน บิวตี้ บุฟเฟต์ จะมีหุ่นพ่อครัวตั้งอยู่ที่หน้าร้านเป็นเอกลักษณ์เพื่อดึงดูดลูกค้า ซึ่งถูกออกแบบมาให้เข้ากับสโลแกนของร้านคือ “The Most Delicious Beauty Shop in Town” หรือ “สวยอร่อยหลากหลายสไตล์บุฟเฟต์”
ร้านค้าปลีกบิวตี้ บุฟเฟต์ ณ สิ้นปี 2564 มีสาขาทั้งหมด 50 สาขา ตั้งอยู่ในศูนย์การค้า เนื่องจากเป็น ศูนย์กลางการคมนาคมและมีความสะดวกในการบริหารจัดการ เช่น เซ็นทรัลพลาซ่า เดอะมอลล์ รวมถึงซุปเปอร์มาเก็ตขนาดใหญ่ เช่น โลตัส บิ๊กซี เป็นต้น
ช่องทางอีคอมเมิร์ช
ร้านค้าปลีก “บิวตี้ บุฟเฟต์” เป็นแนวคิดในการนำเสนอรูปแบบการผสมผสานระหว่างแนวคิดของธุรกิจร้านอาหารบุฟเฟต์เข้ากับธุรกิจค้าปลีกเครื่องสำอาง โดยการประยุกต์แนวคิดของการรับประทานอาหารประเภทบุฟเฟต์ ที่ผู้บริโภคสามารถเลือกสรรสิ่งที่ต้องการมากที่สุดได้อย่างมั่นใจ เช่นเดียวกันกับการวางรูปแบบร้าน บิวตี้ บุฟเฟต์ ที่มีสินค้าหลากหลายให้เลือกสรร โดยร้าน บิวตี้ บุฟเฟต์ จะมีหุ่นพ่อครัวตั้งอยู่ที่หน้าร้านเป็นเอกลักษณ์เพื่อดึงดูดลูกค้า ซึ่งถูกออกแบบมาให้เข้ากับสโลแกนของร้านคือ “The Most Delicious Beauty Shop in Town” หรือ “สวยอร่อยหลากหลายสไตล์บุฟเฟต์”
ร้านค้าปลีกบิวตี้ บุฟเฟต์ ณ สิ้นปี 2564 มีสาขาทั้งหมด 50 สาขา ตั้งอยู่ในศูนย์การค้า เนื่องจากเป็น ศูนย์กลางการคมนาคมและมีความสะดวกในการบริหารจัดการ เช่น เซ็นทรัลพลาซ่า เดอะมอลล์ รวมถึงซุปเปอร์มาเก็ตขนาดใหญ่ เช่น โลตัส บิ๊กซี เป็นต้น
ช่องทางโมเดิร์นเทรด
ช่องทางโมเดิร์นเทรด บริษัทได้นำสินค้านำเสนอเข้าจำหน่ายในช่องทางโมเดิร์นเทรด ซึ่ง ณ 30 ธันวาคม 2566 มีสินค้าวางจำหน่ายมากกว่า 40 รายการ รวมทั้งหมด 20 ห้าง 3,279 จุดจำหน่าย โดยแยกออกเป็น 4 ประเภทดังต่อไปนี้
- Supermarket เช่น foodland Top MaxValu เดอะมอลล์ โกลเด้นเพลส เป็นต้น
- Convenience Store เซเว่น แคตตาล็อก CJ Express เป็นต้น
- Hypermarket เช่น บิ๊กซี โลตัส เป็นต้น
- Specialty Store เช่น Watson Eveandboy King Power Boost เป็นต้น
ช่องทางเจเนอรัล เทรด
ช่องทางเจเนอรัล เทรด บริษัทพัฒนาสินค้าออกสู่ตลาดแมส ( Mass Market ) โดยการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่าย ซึ่งจะเน้นการขยายจุดจำหน่ายสู่ร้านค้าปลีกรายย่อยทั่วประเทศ
ช่องทางต่างประเทศ
เริ่มขยายตลาดต่างประเทศตั้งแต่ปี 2554 บริษัทมีสินค้าวางจำหน่ายหลายประเทศในเอเชีย ได้แก่ ประเทศจีน ไตหวัน ฮ่องกง อินโดนีเซีย เวียดนาม กัมพูชา พม่า ลาว มาลเซีย ฟิลิปปินส์ อินเดีย ญี่ปุ่น ผ่านตัวแทนจำหน่ายแต่ละประเทศ มีสินค้าวางจำหน่ายมากกว่า 100 SKUs ผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายในรูปแบบของ Product Distributor, Shop License, Product License, Wholesaler
ตลาดประเทศจีน เป็นตลาดหลักที่สร้างยอดขายถึง 89% ของตลาดต่างประเทศ โดยรูปแบบการดำเนินธุรกิจในประเทศ จีน แบ่งเป็น 4 รูปแบบ
1. Product Distributor คือบริษัทแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายสำหรับจำหน่ายสินค้าของบริษัท
2. Product License โมเดลธุรกิจนี้เริ่มต้นในช่วงไตรมาส 4 ปี 2563 บริษัทแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายเพื่อร่วมมือผลิตและจำหน่ายสินค้าในประเทศจีน โดยบริษัทเป็นผู้ให้สิทธิ์ในตราสินค้ากับตัวแทนจำหน่ายที่แต่งตั้ง เพื่อไปทำการผลิตและจำหน่ายสินค้าโดยบริษัทเป็นผู้ควบคุมคุณภาพ การอออกแบบดีไซน์เพื่อให้ได้สินค้าตรงตามความต้องการ และในอนาคตมีแผนขยายทั้งตัวแทนจำหน่ายและจำนวนรายการสินค้า ปัจจุบัน สินค้า Product License มีจำนวน 12 รายการ ดังนี้
3. CBEC (Cross border e-commerce) มีการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่าย เพื่อนำสินค้าเข้าจำหน่ายผ่านช่องทาง CBEC (Cross border e-commerce) ปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่ายสำหรับช่องทางนี้ 3 ตัวแทนจำหน่าย วางจำหน่ายสินค้าทั้งหมด 9 แพลตฟอร์ม ดังนี้ COM, TMALL HK, Little Red Book, Pin Duo Duo, Kaola, Beidian, Jumei, VIP.COM, Aikucun.com
4. Wholesaler เป็นการขายส่งสินค้าไปขายในช่องทางต่างๆในประเทศจีน
ประเทศอื่น (ที่ไม่ใช่ประเทศจีน) คือ อินโดนีเซีย กัมพูชา เวียดนาม พม่า ลาว มาลเซีย ฟิลิปปินส์ อินเดีย ญี่ปุ่น บริษัทมีนโยบายที่ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่ายในช่องทางโมเดิร์นเทรดและเทรดดิชั่นนอลเทรดมากขึ้น โดยปรับตัวแทนจำหน่ายของบริษัทให้สามารถทำตลาดในรูปแบบการจัดจำหน่ายผ่านตัวแทนในประเทศ นอกจากนี้ยังมีการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ควบคู่ไปด้วยซึ่งโมเดลดังกล่าวจะช่วยให้สินค้าของบริษัทกระจายสู่มือของผู้บริโภคในวงกว้าง